วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

1. ความหมายของคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

ปัจจุบันมีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องระหว่างคอมพิวเตอร์และการศึกษาคือ "คอมพิวเตอร์ศึกษา" (Computer Education) หมายถึง 
การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์ เช่น การเขียนภาษาโปรแกรมต่าง ๆ การผลิต การใช้ การบำรุงรักษา
เครื่องคอมพิวเตอร์ (Hardware) และซอฟแวร์ (Software) รวมถึงการศึกษาวิธีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อกิจการด้านต่าง ๆ
สรุปแล้วการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา คือ การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในกิจการด้านการศึกษา ประกอบด้วยงานหลัก 4 ระบบ
1. คอมพิวเตอร์เพื่อบริหารการศึกษา (Computer for Education Administration) เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหารงานด้านต่าง ๆ เช่น การบริหารงานด้านการศึกษาประกอบด้วยครู ผู้เรียน และเจ้าหน้าที่บุคลากรที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เป็นต้น
2. คอมพิวเตอร์เพื่อบริการการศึกษา (Computer for Education Service) หมายถึง การบริการการศึกษา ด้านต่าง ๆ เช่น การบริการสารสนเทศการศึกษา
3. คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน (Computer Assisted Instruction) หมายถึง การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในกิจกรรมการเรียนการสอนในเนื้อหาวิชาต่างๆ
4. การรู้คอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) เป็นการศึกษา การสอน/การฝึกอบรมเกี่ยวกับความรู้ความสามารถ และทักษะการใช้คอมพิวเตอร์โดนตรงรวมทั้งการประยุกต์ใช้ และเจตคติต่อคอมพิวเตอร์และ ICT 


ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ



2. วัตถุประสงค์ของการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

ในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการศึกษาโดยทั่วไปมี 3 ลักษณะคือ
1.ใช้เพื่อทบทวนบทเรียน
2.ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียน
3.ใช้เป็นเครื่องมือฝึก

ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ



3. ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
ส่วนประกอบทั่วไปของคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
1. หน่วยรับข้อมูล input Unit เป็นส่วนที่ทำหน้าที่รับข้อมูลเข้าสู่หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)
เพื่อทำการประมวลต่อไป
2. หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU (Central Processing Unit) ทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูล
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และทำหน้าที่ควบคุมการทำงานต่างภายในคอมพิวเตอร์
3. หน่วยแสดงผล Output Unit เป็นหน่วยที่แสดงผลลัพธ์จากการประมวลผลข้อมูล ซึ่งมีรูปแบบการแสดง
ผลอยู่ 2 แบบ คือ แบบที่สามารถเก็บไว้ดูภายหลังได้ และแบบที่ไม่มีสำเนาเก็บไว้

ที่มา http://www.obec.go.th ครูสมเกียรติ แสนป้อ


4. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน

4.1. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง 
การนำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน โดยที่เนื้อหาวิชา แบบฝึกหัด และแบบทดสอบจะถูกพัฒนาขึ้นในรูปของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือ
1) สามารถเรียนแบบการสอนได้ และ
2) มีสมรรถภาพในการรวบรวมสารสนเทศและข้อมูลต่าง ๆ 

4.2. หลักการของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประกอบด้วย

1. ใช้เป็นรายบุคคล (Individualized) ไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ออกแบบเพื่อใช้ส่วนบุคคล นับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดีที่สุด

2. มีการตอบโต้อย่างทันที (Immediate Feedback)

3. เป็นกระบวนการติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน (Track Learners Process)

4. ปรับให้ทันสมัยได้ง่าย (Each of Updating)

5. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ไม่สามารถทำงานได้ทุกอย่างเหมือนคน ด้วยเหตุนี้ จึงนำมาเป็นส่วนนึ่งหรือช่วยสอนเท่านั้น การแก้ปัญหาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเขียนโปรแกรมให้สอดคล้องกับหลักจิตวิทยา

6. การเขียนโปรแกรมที่ดีต้องอาศัยความชำนาญอย่างมาก


ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ

5. การวัดประเมินผลคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

ในการวัดประเมินบทเรียน มีขั้นตอนในการพิจารณาอยู่ 3 ขั้น คือ
1. การประยุกต์ใช้ 
1.1 บทเรียนนี้ออกแบบและผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในหลักสูตร
วิชาอะไรและในหลักสูตรนี้ ผู้เรียนจะได้รับประโยชน์พิเศษเฉพาะ
จากบทเรียนนี้อย่างไรบ้าง
1.2 บทเรียนนี้บทบาททางการศึกษาอย่างไรบ้าง
เป็นบทเรียนที่ใช้ในการเรียนการสอนโดยตรงหรือเป็นบทเรียนที่
ใช้ประกอบหรือเสริมการเรียนเท่านั้น ถ้าบทเรียนนี้
มีบทบาทเพียงเพื่อเสริมการเรียนการสอน มีสื่อหรือ
กิจกรรมการสอนอื่นที่ออกแบบไว้ให้บทเรียนสนับสนุนหรือไม่
1.3 บทเรียนนี้ออกแบบมาสำหรับผู้เรียนนะดับใด
และผู้เรียนควรมีความรู้เบื้องต้นระดับใดและอย่างไรบ้าง
1.4 บทเรียนนี้ควรใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบใด
2. การใช้โปรแกรม
2.1 ประสิทธิผลทางการเรียนการสอน การที่จะวัด
ประสิทธิผลทางการเรียนการสอนของบทเรียนนั้นเราจะต้อง
1) วิเคราะห์คุณลักษณะของบทเรียน
2) วิเคราะห์แนวปฏิบัติของครูในการใช้บทเรียนนั้น
3) ทบทวนประสิทธิผลของบทเรียนที่มีต่อการ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์การเรียน
2.2 การบำรุงรักษาบทเรียน ในการประเมินเกี่ยวกับ
การบำรุงรักษาบทเรียนนี้จะเน้นในเรื่องการปรับปรุงบทเรียน
ให้เข้ากับสภาพการสอน ว่าทำได้หรือไม่เพียงใด
ทั้งนี้เนื่องจาก มีบางบทเรียนที่เปิดโอกาสให้ครูดัดแปลงเพิ่มเติม
ตัดบางส่วนออกหรือจัดลำดับใหม่ได้ เพื่อให้ครูสามารถดัดแปลง
บทเรียน ให้สอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียนบางคนได้
2.3 ความสะดวก ความสะดวกของบทเรียนในที่นี้หมายถึง
การที่เราสามารถใช้บทเรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ ได้
เช่น เล่นได้ทั้งเครื่อง XTAT และหรือจอภาพสี
3. ราคา
การเปรียบเทียบราคาของบทเรียน อาจจะพิจารณาได้ยาก
เพราะมีข้อจำกัดเช่น เรื่องเวลา ความต้องการในการใช้บทเรียน
และประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นต้น นอกจากนั้น การผลิตบทเรียน
เรื่องเดียวกันจากผู้ผลิตหลายๆ แหล่งนั้นมีน้อย ดังนั้น การพิจารณาเปรียบเทียบในเรื่องราคาของบทเรียนจึงอยู่ในดุลยพินิจของผู้ที่ประสงค์
จะใช้บทเรียนนั้นๆพิจารณาเอง

ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ

เจ้าของบทความ

http://apportion.blogspot.com/2007/08/blog-post.html